top of page


จีนพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเต็มที่
หนังสือพิมพ์ People’s Daily รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ได้มีการประชุมสมาชิกสนธิสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 21 จัดขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนซึ่งเดินทางถึงกรุงปารีสเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ ได้เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกตามคำเชิญของประธานาธิบดีฝรั่งเศส
แหล่งข่าวแจ้งว่า จีนในฐานะผู้ร่วมกันรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก ได้ใช้ความพยายามต่อการลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจก ปกป้องโลกให้พ้นจากภัยพิบัติอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ ปีหลังๆ นี้ จีนประสบความสำเร็จในด้านการบำบัดสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงาน ลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจก ส่งเสริมวิถีชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน จีนแบกรับพันธกรณีระหว่างประเทศ และทุ่มเทกำลังในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานสะอาด พลังงานสีเขียวและพลังงานหมุนเวียน
เมื่อเร็วๆ นี้ จีนประกาศรายงานนโยบายและปฏิบัติการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศประจำปี 2015 โดยระบุว่า จนถึงปี 2014 การปล่อยคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ต่อหน่วยจีดีพีลดลง 6.1% เมื่อเทียบกับปี 2013 ลดลง 15.8% เมื่อเทียบกับปี 2010 และในช่วงปฏิบัติแผนพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจประชาชาติระยะ 5 ปีฉบับที่ 12 การบริโภคพลังงานที่ไม่ใช่พลังงานฟอสซิลเพิ่มขึ้นถึง 11.2% ของยอดการบริโภคพลังงานธรรมชาติ เพิ่มขึ้น 4.4% เมื่อเทียบกับปี 2005 นอกจากนี้ ทรัพยากรป่าไม้เพิ่มขึ้น 2,188 ล้านลูกบาศก์เมตร นายเซี่ย เจิ้นหวา รองผู้อำนวยการคณะกรรมการการพัฒนาและการปฏิรูปแห่งชาติจีนกล่าวว่า จีนประสบผลสำเร็จในด้านการประหยัดพลังงานและลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจก เขากล่าวว่า จีนกำลังดำเนินโครงการมณฑล เมือง เขตและชุมชนคาร์บอนต่ำ และสร้างเขตสาธิตการใช้มาตรการภาษีคาร์บอน 7 แห่งที่ดำเนินการค้าออนไลน์ ทั่วสังคมจีนมีจิตสำนึกต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น จีนได้สร้างคุณูปการต่อการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศทั่วโลก
เมื่อเดือนมิถุนายนปีนี้ รัฐบาลจีนได้ยื่นแผนรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศต่อสำนักงานเลขาธิการสนธิสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ โดยคาดการณ์ว่า ปี 2030 ยอดการปล่อยคาร์บอนไดอ๊อกไซด์จะถึงจุดสูงสุด แต่ปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ต่อหน่วยจีดีพีจะลงลง 60-65% เมื่อเทียบกับปี 2005 และสัดส่วนการใช้พลังงานที่ไม่ใช่ฟอสซิลต่อยอดการใช้พลังงานธรรมชาติจะเพิ่มขึ้น 20% และทรัพยากรป่าไม้เพิ่มขึ้น 4,500 ล้านลูกบาศก์เมตรเมื่อเทียบกับปี 2005
bottom of page