top of page

    จีนออกหนังสือปกขาวย้ำจีนจะยืนหยัดแก้ไขข้อพิพาททะเลจีนใต้กับฟิลิปปินส์ด้วยการเจรจา

      หนังสือพิมพ์ People’s Daily รายงานว่า วันที่ 13 กรกฎาคมนี้ สำนักงานสารนิเทศของคณะรัฐมนตรีจีนออกหนังสือปกขาว เรื่อง จีนยืนหยัดที่จะแก้ไขข้อพิพาททะเลจีนใต้หรือทะเลหนานไห่กับฟิลิปปินส์ด้วยการเจรจา

         หนังสือปกขาวฉบับนี้มีความยาวกว่า 2 หมื่นคำ นอกจากคำนำแล้วยังประกอบด้วยข้อมูล 5 ประเด็น ได้แก่ 1.หมู่เกาะในทะเลหนานไห่เป็นดินแดนของจีนตั้งแต่โบราณกาล 2.ความเป็นมาของข้อพิพาททะเลหนานไห่ระหว่างจีน-ฟิลิปปินส์ 3.ความเห็นที่เป็นเอกฉันท์ระหว่างจีน-ฟิลิปปินส์ในการแก้ไขข้อพิพาททะเลหนานไห่ 4.ฟิลิปปินส์ ทำการปฏิบัติการครั้งแล้วครั้งเล่า ที่ทำให้ข้อพิพาททะเลหนานไห่ทวีความสลับซับซ้อนมากขึ้น 5.นโยบายของจีนในการแก้ไขปัญหาทะเลหนานไห่

        หนังสือปกขาวระบุว่า ประชาชนจีนใช้ชีวิตในทะเลหนานไห่มีประวัติกว่า 2,000ปีแล้ว จีนเป็นผู้แรกที่ค้นพบ ตั้งชื่อ และบุกเบิกพัฒนาใช้ประโยชน์หมู่เกาะและน่านน้ำบริวารในทะเลหนานไห่ และเป็นผู้แรกที่ใช้สิทธิ์อธิปไตย และอำนาจควบคุมบริหารหมู่เกาะ น่านน้ำบริวารในทะเลหนานไห่ด้วยสันติวิธีอย่างต่อเนื่อง และมีประสิทธิผล อธิปไตยและสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องของจีนในทะเลหนานไห่เกิดจากกระบวนการทางประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากประชาคมโลก ซึ่งมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์และกฎหมายที่หนักแน่น

   หนังสือปกขาวกล่าวว่า ข้อพิพาททะเลหนานไห่ระหว่างจีน-ฟิลิปปินส์เป็นข้อพิพาทดินแดน ซึ่งเกิดจากกรณีฟิลิปปินส์รุกรานและยึดครองเกาะแก่งบางส่วนในหมู่เกาะหนานซาของจีน ในแง่ประวัติศาสตร์และกฎหมาย ฟิลิปปินส์ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะเรียกร้องกรรมสิทธิ์ของเกาะแก่งในหมู่เกาะหนานซา นอกจากนี้ วิวัฒนาการของกฎหมายระหว่างประเทศทางทะเลก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้จีน-ฟิลิปปินส์เกิดข้อพิพาทการปักปันเขตแดนทางทะเล จีน-ฟิลิปปินส์เคยเจรจาหลายครั้งเรื่องข้อพิพาททางทะเล และมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า จะแก้ไขข้อพิพาทด้วยการเจรจา ซึ่งเอกสารทางการระหว่างจีน-ฟิลิปปินส์หลายฉบับได้ยืนยันข้อตกลงดังกล่าว

    หนังสือปกขาวกล่าวว่า ด้วยเหตุผลดังกล่าว การที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ยื่นฟ้องจีนกรณีข้อพิพาททะเลหนานไห่โดยลำพังเมื่อปี 2013 นั้นเป็นการฝ่าฝืนข้อตกลงระหว่างจีน-ฟิลิปปินส์ที่ระบุไว้ว่า จะแก้ไขข้อพิพาทด้วยการเจรจาทวิภาคี ละเมิดสิทธิของจีนในฐานะประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ที่สามารถเลือกรูปแบบการแก้ไขข้อพิพาท ส่วนศาลที่รับคดีฟิลิปปินส์ยื่นฟ้องจีนไม่มีอำนาจดำเนินคดีนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ คำตัดสินของศาลนี้จึงเป็นโมฆะ และไม่มีผลบังคับใช้ อธิปไตยเหนือดินแดน และสิทธิประโยชน์ในทะเลหนานไห่ของจีนจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากคำตัดสินดังกล่าว ไม่ว่าจะอยู่ภายใต้สถานการณ์ใดก็ตาม จีนไม่ยอมรับ และไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลนี้ จีนคัดค้านและไม่ยอมรับข้อเสนอและปฏิบัติการใดๆ บนพื้นฐานของคำตัดสินนี้

    หนังสือปกขาวเน้นว่า จีนเคารพและปฏิบัติตามกฎบัตรสหประชาชาติมาโดยตลอด พิทักษ์และส่งเสริมระเบียบของกฎหมายระหว่างประเทศ เคารพและปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ ขณะเดียวกัน จีนปกป้องอธิปไตยและสิทธิประโยชน์ที่ชอบธรรมของจีนในทะเลหนานไห่ จีนยืนหยัดจะแก้ไขข้อพิพาทด้วยการเจรจา ยืนหยันจะควบคุมข้อขัดแย้งโดยผ่านการสร้างกลไกและกฎระเบียบ ยืนหยัดจะบรรลุเป้าหมายให้ทุกฝ่ายประสบชัยชนะร่วมกันโดยผ่านความร่วมมือที่อำนวยประโยชน์แก่กัน และจะทุ่มกำลังเต็มที่เพื่อพัฒนาทะเลหนานไห่ให้เป็นทะเลแห่งสันติภาพ มิตรภาพ และ ความร่วมมือ

    ก่อนหน้านี้  เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมนี้ ศาลอนุญาโตตุลาการประกาศคำชี้ขาดตัดสินคดีทะเลหนานไห่ตามคำขอของฟิลิปปินส์ ซึ่งทำลายอธิปไตยบูรณภาพเหนือดินแดนและสิทธิทางทะเลของจีนอย่างร้ายแรง รัฐบาลและประชาชนจีนแสดงความคัดค้านต่อเรื่องนี้เด็ดขาด ไม่เห็นด้วยและไม่ยอมรับ ศาสตราจารย์สือ ยินหง ที่ปรึกษาของคณะรัฐมนตรีจีนจากสถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยเหรินหมินแห่งประเทศจีนได้วิเคราะห์สถานการณ์ล่าสุดหลังได้รับทราบคำชี้ขาดแล้ว  โดยท่านแสดงความเห็นว่า อิทธิพลภายนอกเข้ามาแทรกแซง ทำให้สถานการณ์ทะเลหนานไห่มีความเสี่ยงสูง สื่อมวลชนสหรัฐฯ เผยว่า เรือรบสหรัฐฯ 7 ลำรวมทั้งเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน ได้รวมตัวที่ทะเลหนานไห่ โดยเฉพาะใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ มีเรือพิฆาตติดจรวด 3 ลำพยายามแอบเข้าใกล้หมู่เกาะของจีนหลายครั้ง มุ่งใช้แรงกดดันกับจีน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนได้โทรศัพท์พูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ โดยเน้นว่า ควรยุติละครทางการเมืองนี้ได้แล้ว และเร่งรัดสหรัฐฯ ระมัดระวังวาจาและพฤติกรรม อย่าใช้พฤติกรรมใดๆ ที่ทำลายอธิปไตยและความมั่นคงของจีน เขาวิเคราะห์ว่า แม้ว่าจีนกับสหรัฐฯ ยังคงตั้งตัวเป็นปรปักษ์กันในเชิงยุทธศาสตร์ แต่ยังคงสามารถควบคุมความเสี่ยงการปะทะทางทหารได้อย่างเต็มที่

   เขากล่าวว่า ความเสี่ยงที่หนักที่สุด คือความเสี่ยงจากการเกิดการปะทะทางทหารระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ในทะเลหนานไห่    แม้ว่าจีนจะต้องปกป้องสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของจีนในทะเลหนานไห่อย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ แต่จีนก็จะพยายามหลีกเลี่ยงเกิดการปะทะกับประเทศริมฝั่งทะเลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะประเทศที่มีข้อขัดแย้งกับจีนในปัญหาทะเลหนานไห่   แต่จนถึงปัจจุบัน นอกจากฟิลิปปินส์เอง ยังไม่มีประเทศใดประเทศหนึ่งที่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก้าวออกมาแถลงว่าสนับสนุนฟิลิปปินส์ ต่อต้านประเทศจีน

จัดทำโดย บก.กอบกิจ ประดิษฐผลพานิช 
New Silk Road Magazine บริษัท เคเค คอมมูนิเคชั่น จำกัด
เลขที่ 4/9 ชั้นที่เอ็ม ซอยสุขุมวิท99 ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม. 10260
โทร. 02-332-7376 อีเมล์ kkcommu0@gmail.com
bottom of page