หนังสือพิมพ์ People’s Daily รายงานว่า     การประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มจี 20 ครั้งที่ 11 จะจัดขึ้นที่เมืองหางโจว ระหว่างวันที่ 4-5 กันยายนนี้ ประเด็นของประชุมสุดยอดครั้งนี้คือ "ร่วมสร้างเศรษฐกิจโลกที่นวัตกรรม มีพลังชีวิต เชื่อมโยง และเอื้ออารีกัน"  ระหว่างสมาชิกกลุ่มจี 20 และผู้นำประเทศที่เป็นแขกผู้มีเกียรติรับเชิญตลอดจนผู้รับผิดชอบขององค์การระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องจะเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ ทั้งนี้นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนจะร่วมและเป็นประธานการประชุม  ท่ามกลางความคาดหวังเป็นอย่างสูงต่อการประชุมครั้งนี้จากนานาประเทศและองค์การระหว่างประเทศ

      วันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา นายจาคอบ เจ. ลิว(Jacob J. Lew) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวที่กรุงวอชิงตันว่า กลุ่มจี 20 ได้แสดงบทบาทสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจทั่วโลก ร่วมกันรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจและการเงิน เขาเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ใช้นโยบายและมาตรการต่างๆ รวมทั้งนโยบายการคลัง เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเปิดกว้าง รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ระบุว่า กลุ่มจี 20 รวมผู้กุมนโยบายองค์ประกอบเศรษฐกิจแถวหน้าของโลก การประชุมครั้งนี้จะเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับการรับมือกับการท้าทายทั่วโลก เป็นเวทีอภิปรายยุทธศาสตร์การแก้ปัญหา และเป็นเวทีสำหรับการส่งเสริมความสัมพันธ์และเพิ่มพูนความเชื่อถือกันระหว่างผู้นำการเมืองและเศรษฐกิจของสมาชิกต่างๆ

           เมื่อเร็วๆ นี้ ดร.Abid Sulehri ผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยนโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืนปากีสถาน และนักเคราะห์สถานการณ์ชื่อดังของปากีสถานกล่าวขณะให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า หวังว่า การประชุมสุดยอดกลุ่ม G20 ที่กำลังจะจัดขึ้นที่เมืองหางโจวของจีนจะมีส่วนช่วยยุติความขัดแย้ง และทำให้ประเทศกำลังพัฒนามีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจโลกมากยิ่งขึ้น เขากล่าวว่า ผู้บริหารจากทั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ธนาคารโลก องค์การการค้าโลกและผู้ว่าการธนาคารกลางของประเทศที่เกี่ยวข้องต่างจะเดินทางไปร่วมประชุม สะท้อนให้ถึงความสำคัญของการประชุมครั้งนี้ เขาเชื่อมั่นว่า ที่ประชุมฯ จะนำพลังใหม่ให้การกำหนดนโยบายเศรษฐกิจและการพัฒนาเศรษฐกิจมีความคึกคักมากขึ้น

       ส่วนนาย Guntram Wolff ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ Bruegel คลังสมองที่มีชื่อเสียงของยุโรป กล่าวขณะให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า หวังว่า การประชุมสุดยอดกลุ่ม G20 ที่กำลังจะจัดขึ้นที่เมืองหางโจวของจีนจะได้รับผลงานเกี่ยวกับความมั่นคงทางการเงิน รายได้ที่ไม่เสมอภาค สภาพการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ และปัญหาผู้ลี้ภัย เป็นต้น เขากล่าวว่า ทั่วโลกต่างพิจารณาเรื่องการแบ่งปันรายได้ของประเทศ สัดส่วนรายได้ของประชาชนลดต่ำลง แต่สัดส่วนรายได้ของเงินทุนกลับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นี่เป็นปรากฏการณ์ทั่วไปที่ทำให้ปัญหารายได้ไม่เสมอภาคและไม่ยุติธรรมทวีความรุนแรง เขาหวังว่า ในที่ประชุมสุดยอดกลุ่ม G20 ครั้งนี้ ผู้ร่วมประชุมจะเพิ่มการแลกเปลี่ยนและประสานงานเกี่ยวกับนโยบายขจัดรายได้ที่ไม่เสมอภาค

    นายจวง จวี้จง รองหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย(เอดีบี)ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า การประชุมสุดยอดกลุ่มจี 20 ย่อมจะเพิ่มแรงกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจโลกที่กำลังอ่อนลงอยู่

เขากล่าวว่า ในช่วง 30-40 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจจีนรักษาอัตราการเติบโตที่สูง ซึ่งการเติบโตเช่นนี้ไม่เพียงแต่ได้ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนจีน ยังทำให้ชาวจีนนับร้อยล้านพ้นจากความยากจนได้ ทำให้จีนกลายเป็นแรงกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่สำคัญ ประเทศที่รุ่งเรืองใหม่หลายประเทศชื่นชมการพัฒนาของเศรษฐกิจจีน หากเศรษฐกิจจีนสามารถเติบโตในอัตราที่เร็ว ศตวรรษนี้ก็จะกลายเป็นศตวรรษแห่งเอเชีย

    เมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา นายโดนัลด์ ทัสค์ (Donald Tusk) ประธานคณะมนตรียุโรปกับนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ (Jean-Claude Juncker) ประธานคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปร่วมกันส่งสาส์นถึงผู้นำประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป แสดงความปรารถนาว่าจะอภิปรายถึงการรับมือการท้าทายสำคัญกับคู่ค้ากลุ่มจี 20 ในการประชุมสุดยอดกลุ่มจี 20 ที่เมืองหางโจว เพื่อให้การประชุมครั้งนี้เป็นป้ายบอกระยะทางที่ส่งเสริมการฟื้นฟูเศรษฐกิจโลก  สาส์นยังระบุว่า สหภาพยุโรปจะเรียกร้องให้ใช้ความพยายามร่วมกันเพื่อให้การสนับสนุนกับการรับมือกับวิกฤตผู้ลี้ภัยทั่วโลก ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก และเร่งรัดให้ประเทศและเขตแคว้นต่างๆ ปฏิบัติตามข้อตกลงความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาเกี่ยวกับการปราบปรามการหนีภาษีและหลบเลี่ยงภาษี